วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563

มังคุดภูเขาบ้านคีรีวงของดีเมืองนครศรีธรรมราช ผิวเปลือกบาง เนื้อขาวสด ผลใหญ่ ผิวมัน หารับประทานยาก ราคาแพงที่สุดในประเทศไทย

มังคุดที่ บ้านคีรีวงเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนมังคุดที่ใด เพราะเป็นมังคุดที่มีราคาสูงที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ คุณสมบัติของมังคุดเขาบ้านคีรีวงที่โดดเด่นกว่ามังคุดที่อื่น เพราะมีแหล่งปลูกมังคุดอยู่บนภูเขาอยู่ร่วมกับผืนป่าตามธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และยังมีการปลูกแบบผสมผสานรวมกับผลไม้ชนิดอื่นๆในขณะที่พื้นที่สวนอื่นๆเช่นสวนยางพารา จะมีการปลูกแค่ยางพาราเพียงอย่างเดียว แต่สวนของคีรีวงมีผลไม้หลากหลายชนิดตั้งแต่ มังคุด ทุเรียนบ้าน ทุเรียนพันธ์  เงาะ ลางสาด สะตอ   ซึ่งเป็นการปลูกแบบป่าผสมผสานที่มีความอุดมสมบูรณ์และชุ่มชื้นสูง  สภาพแวดล้อมของสวนบนภูเขาซึ่งชาวบ้านมีการเรียนรู้และพัฒนาในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ มากว่า 200 ปี แต่หลังจากที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่จึงทำให้ชาวคีรีวงตระหนักมากขึ้นระมัดระวังมากขึ้น ในการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ  ด้วยภูมิศาสตร์ของคีรีวงที่อุดมสมบูรณ์จึงทำให้ผลผลิตของเกษตรกรชาวคีรีวงแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆและทำให้ผลผลิตมังคุดมีคุณภาพที่ดี มีผลขนาดใหญ่กว่าพื้นที่อื่นๆ มีผิวมัน กลีบที่ขั้วผลมีสีเขียว มีราคาแพงที่สุดในประเทศไทย  โดยไม่ต้องใช้สารเร่งใดๆ
มังคุด ราชินีแห่งไม้ผล (Queen of Fruit) และมังคุดมี (ชื่อวิทยาศาสตร์: Garcinia mangostana Linn.)  เป็นไม้ยืนต้นที่ให้ผลผลิตเป็นฤดูกาล อาจนับได้ว่าเป็นไม้คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช จากการสืบค้นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ การบอกกล่าวของผู้รู้ตำนาน เป็นพันธุ์ไม้ผลัดใบเขตร้อนชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่หมู่เกาะซุนดาและหมู่เกาะโมลุกกะ แพร่กระจายพันธุ์ไปสู่หมู่เกาะอินดีสตะวันตกเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 24 แล้วจึงไปสู่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส ปานามา เอกวาดอร์ ไปจนถึงฮาวาย ในประเทศไทยมีการปลูกมังคุดมานานแล้วเช่นกัน เพราะมีกล่าวถึงในพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ในสมัยรัชกาลที่ 1 นอกจากนั้น ในบริเวณโรงพยาบาลศิริราชยังเคยเป็นที่ตั้งของวังที่มีชื่อว่า "วังสวนมังคุด" ในจดหมายเหตุของราชทูตจากศรีลังกาที่เข้ามาขอพระสงฆ์ไทย ได้กล่าวว่ามังคุดเป็นหนึ่งในผลไม้ที่นำออกมารับรองคณะทูต  และลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นมังคุดบ่งชี้ว่ามีอายุยาวนาน มาหลายร้อยปีพอๆกับชุมชนบ้านคีรีวง
คีรีวงเป็นชุมชนเล็กๆ ตั้งอยู่ในที่ราบหุบเขาของเทือกเขานครศรีธรรมราชพื้นที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกาจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่และน่าภูมิใจในความเป็นมา ความกล้าหาญ ความอดทนและการต่อสู้ของบรรพบุรุษที่นับย้อนไปได้กว่า 200 ปีที่ผ่านมา เดิมชุมชนคีรีวง มีชื่อเรียกว่า บ้านขุนน้ำเหตุเพราะมีพื้นที่อยู่ใกล้ต้นน้ำจากยอดเขาหลวง ในเทือกเขานครศรีธรรมราช ทำให้มีลำคลองไหลผ่านกลางหมู่บ้านตลอดปีถึง 3 สาย คือ คลองปง คลองท่าหา และคลองท่าชาย ซึ่งไหลมาบรรจบกันที่หน้าหมู่บ้าน เรียกว่า คลองท่าดี แล้วไหลไปสู่เมืองนครศรีธรรมราชออกทะเลที่ปากนคร มีระดับน้ำลึกเพียงพอสำหรับใช้เป็นเส้นทางขนส่ง สัญจรไปมาได้ นอกจากนี้หมู่บ้านอื่นๆ ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาใกล้ต้นน้ำก็ใช้คำว่า ขุนน้ำนำหน้าชื่อชุมชนเหมือนกัน เช่น ขุนน้ำเขาแก้ว ขุนน้ำท่างิ้ว ขุนน้ำกำโลน เป็นต้น ต่อมาชื่อหมู่บ้านถูกเปลี่ยนเป็นบ้าน คีรีวงซึ่งมีความหมายว่า บ้านที่อยู่ ในวงล้อมของภูเขาตามชื่อวัดที่สร้างขึ้นมา และอยู่ในเขตปกครองท้องถิ่นของ ตำบลกำโลนสืบมาจนถึงปัจจุบัน
กลุ่มผู้ตั้งรกรากครั้งแรกนั้น เป็นกลุ่มที่อพยพเข้ามาประมาณ 7 ตระกูลซึ่งเป็น ตระกูลใหญ่ๆ อยู่ในปัจจุบัน คือ ตระกูลตลึงจิตร ตระกูลตลึงเพชร ตระกูลสุกใส ตระกูลประพัฒน์ ตระกูลจะระนิล ตระกูลธวัชกาญจน์ และตระกูลสุชลจิตร ซึ่งต่อมาตระกูลเหล่านี้ได้มีสัมพันธ์ต่อกัน โดยลูกหลานได้แต่งงานและเกี่ยวดอง เป็นเครือญาติกันทั้งหมด  ความเป็นเครือญาติ ของคนในหมู่บ้านนี้ ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อันนำไปสู่ความสามารถพึ่งตนเองของหมู่บ้านบรรพบุรุษของชาวคีรีวง ที่เข้ามาตั้งรกรากเป็นกลุ่มแรก เป็นบรรดาไพร่ที่หลบหนีการเกณฑ์ทหารเพื่อไปรบที่เมืองไทรบุรี (มาเลเซียในปัจจุบัน) สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (สมัยรัชกาลที่ 12) จึงได้ชักชวนกันเดินลัดเลาะเรื่อยมาตามคลองขุนน้ำ จนกระทั่งมาถึงที่ราบเล็กๆ ระหว่างหุบเขา ซึ่งมีภูเขาล้อมรอบไว้หมดทุกด้าน มีทำเล ที่ยากต่อการถูกติดตาม และยังเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์มีลำน้ำไหลผ่านตลอดปีบรรดาไพร่กลุ่มน้ำจึงพร้อมใจกันจับจองพื้นที่บริเวณที่ราบระหว่างหุบเขา แผ้วถางสร้างที่พักอาศัยอยู่รวมกันเป็นชุมชนเล็กๆ และปลูกผลไม้ขึ้นไปตามริมฝั่งคลองทั้ง 3 ด้าน คือเขาหอยสังข์เขายอดเพล และเขาหลวง โดยปลูกพันธุ์ไม้หลายชนิดไว้รวมกับพันธุ์ไม้ธรรมชาติบริเวณเชิงเขา เกิดเป็นรูปแบบที่เลียนวิถีธรรมชาติ ผลไม้ที่สำคัญของชุมชน ได้แก่มังคุด ทุเรียนพื้นบ้าน ลางสาด ลองกองขนุน กล้วยจำปาดะ สะตอ หมาก พลูลูกเนียง ฯลฯ โดยเฉพาะมังคุดเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มากของบ้านคีรีวง ชาวบ้านชวนให้มาเยือนหมู่บ้านในช่วงฤดูฝน เพราะถ้าพักในหมู่บ้าน (แบบโฮมสเตย์) จะได้กินมังคุดที่เก็บเองจากต้น กินเท่าไรก็ได้ไม่คิดเงิน แต่ขอให้เก็บเปลือกมังคุดมาให้เจ้าของด้วย เพราะเปลือกมังคุดจะถูกนำไปทำสบู่และแชมพูมีสรรพคุณในการรักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนังหลายอย่าง แต่ในช่วงที่ไม่ใช่หน้ามังคุด ก็ยังได้รับประทาน เพราะมีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและถนอมอาหารให้สามารถรับทานได้ทั้งปีด้วยการนำมากวน เช่นเดียวกับร้าน  Keewong” นอกจากมังคุดกวนแล้วเมืองนครฯ ยังมีมังคุดอ่อนเสียบไม้ของกิน (ที่ชาวนครฯ เรียกว่ามังคุดคัด”) มังคุดอ่อนเป็นมังคุดที่ออกนอกฤดูกาลและหล่นก่อนวัย ชาวบ้านจะนำมาแกะเปลือกเอาเนื้ออ่อนข้างในแช่น้ำเกลือเพื่อไม่ให้ดำแล้วเสียบไม้ส่งขายให้ตามร้านอาหารที่มีนักท่องเที่ยววนเวียนเข้าไป โดยเฉพาะในตัวเมืองนครฯ ขายได้ราคาดีราคาไม้ละ 15-25 บาท (ไม้หนึ่งมี4-5 ลูกแล้วแต่ขนาด) ชาวคีรีวง เรียกสวนผลไม้ของตนเองว่าสวนสมรม”(ผสม + รวม) เป็นแนวทางการผลิตที่พึ่งพิงธรรมชาติใช้เทคโนโลยีแบบเรียบง่าย ให้ต้นไม้ดูแลกันเอง ไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคแมลง ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยและสารเคมีใดๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงยังคงยึดอาชีพสวนสมรมเป็นอาชีพหลักจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านในชุมชนเป็นพ่อค้าคนกลาง รับซื้อผลผลิตจากสวนไปขายที่ตลาดหัวอิฐ จังหวัดนครศรีธรรมราชความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาตินี้ได้เป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้หมู่บ้านทำการผลิตและพึ่งตนเองได้ ต่อมาในปีพ.ศ. 2505 พ.ศ. 2518 และ พ.ศ.2531 ได้เกิดอุทกภัย และถือได้ว่าอุทุกภัยเมื่อ พ.ศ. 2531 (21 พฤศจิกายน 2531) เป็นมหันตภัยที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่ชาวคีรีวงเคยประสบมา บ้านคีรีวงประสบเหตุน้ำป่าไหลหลาก เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอันเนื่องมาจากฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 13 วัน น้ำป่าทะลักพร้อมดิน โคลน ทราย และมีท่อนซุงมหึมาจากเทือกเขาหลวง จากการทำไม้สัมปทานไหลทะลักเข้าหมู่บ้านทางคลองท่าดี เข้ากัดเซาะพื้นดินและทะลักเข้าทำลายหมู่บ้านโดยทับถมทำลายบ้านเรือน โบสถ์วิหาร โรงเรียน บ้านเรือนถูกน้ำพัดพาหายไปนับร้อยหลัง ชีวิตผู้คนล้มตายเกิดความเสียหายมากทั้งชีวิตและทรัพย์สินของชาวคีรีวงเหลือเพียงซากปรักหักพังของบ้านเรือน โบสถ์และวิหารไว้เป็นสิ่งเตือนใจ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวคีรีวงได้รับผลกระทบมาก ทางราชการได้แนะนำให้อพยพไปตั้งหมู่บ้านใหม่ในที่ที่ปลอดภัย แต่ชาวคีรีวงไม่ยอมโยกย้ายไปจากถิ่นเดิมของบรรพบุรุษ เพราะชีวิตผูกพันจนละทิ้งถิ่นฐานไม่ได้ ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ชาวคีรีวงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานเงินมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาในการป้องกันภัยพิบัติทางน้ำในระยะยาว
                 จากบทเรียนครั้งนี้ ทำให้ชาวคีรีวงกลับมาให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติแบบพึ่งพา โดยจัดตั้งกองทุนเติมสีเขียวใส่เขาหลวง เพื่อทำหน้าที่แทนชุมชนในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติร่วมกับองค์กรภายนอก จัดกิจกรรมให้ชาวคีรีวงฟื้นฟูและปกป้องป่ารอบชุมชน จัดกิจกรรมปลูกป่าทดแทนตั้งแต่พื้นราบในหุบเขาคีรีวงถึงยอดเขาหลวง ร่วมกันปลูกต้นประดู่ตลอดแนวคลองปง คลองท่าหาคลองท่าชาย และคลองท่าดีเพื่อยึดเกาะหน้าดินและป้องกันการพังทลายของดินบริเวณริมตลิ่ง รวมทั้งเป็นภูมิทัศน์ที่ดีของชุมชนอีกทางหนึ่ง ตลอดจนเป็นแหล่งให้ความรู้ ปลูกฝังจิตสำนึกการอนุรักษ์ป่าแก่ชาวบ้าน เพื่อรักษาป่ารอบชุมชน ภายหลังอุทกภัยในปีพ.ศ. 2531 ลักษณะทางกายภาพของชุมชนเปลี่ยนแปลงไป สายน้ำเปลี่ยนทิศทาง มีความคดเคี้ยวลดลง ไหลตัดผ่านตรงกลางหมู่บ้าน แบ่งชุมชนออกเป็นสองฝั่งคลองประกอบกับระยะนั้นเป็นช่วงที่กระทรวงมหาดไทยต้องการแบ่งเขตการปกครองพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นเป็นหมู่บ้านใหม่ ชุมชนคีรีวงจึงถูกแบ่งเป็น 4 หมู่บ้าน คือ บ้านคีรีวง หมู่ที่ 5 บ้านคีรีทอง หมู่ที่ 8 บ้านขุนคีรีหมู่ที่9 และบ้านคีรีธรรม หมู่ที่10 มาถึงปัจจุบัน
                 ชาวคีรีวงร้อยละ 68 มีงานทำตลอดปีและมีช่วงว่างจากการผลิตประมาณ 3เดือน ซึ่งเป็นช่วงฤดูน้ำหลาก จะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมโดยชาวบ้านจะรวมกลุ่มทำอาชีพเสริม เช่น แปรรูปผลผลิต ผลิตสินค้าพื้นบ้านได้แก่ ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์จากผ้ามัดย้อม เครื่องจักสาน การแปรรูปสมุนไพร การถนอมอาหารจากผลผลิตในสวนสมรม อาชีพเสริมที่นิยมอีกอาชีพหนึ่งคือ การรับจ้างทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นการจ้างงานในสวนสมรม เช่น ดายหญ้า เก็บผลผลิต ซ่อมแซมสวน เป็นต้น อาชีพรับจ้างเป็นทางเลือกหนึ่งของชาวบ้านที่มีที่ดินของตนเองน้อย ไม่เพียงพอต่อการยังชีพนอกจากนี้ยังมีอาชีพเสริมด้านการบริการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวหมู่บ้านเพื่อการท่องเที่ยว โดยชาวบ้านทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ให้ความรู้เรื่องวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนในชุมชนแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นผู้นำทางศึกษาธรรมชาติและพักแรมบนอุทยานแห่งชาติเขาหลวง นอกจากนี้ยังให้บริการที่พักในชุมชน (Home Stay) ซึ่งดำเนินการโดยชมรมการท่องเที่ยวอนุรักษ์บ้านคีรีวง ทำให้ชุมชนคีรีวงได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านคีรีวง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อปีพ.ศ. 2541

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ร้านของฝากทุเรียนทอดคีรีวง    







ร้านของฝากทุเรียนทอด









กำลังปรับปรุงร้านของฝากคีรีวง






วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ทุเรียนทอดกรอบคีรีวง








วันนี้นำทุเรียนทอดกรอบคีรีวง ทุเรียนกวนคีรีวง สินค้าของฝากคีรีวง ออกบู๊ชนำเสนอนักท่องเที่ยวจีนประเทศมาเลเซีย ณ ศาลเจ้าแม่กวนอิมจร้า

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

กว่าจะเป็นร้านทุเรียนทอดคีรีวง

ต้องอาศัยยึดกิ่งเพื่อต้นรับน้ำหนักของลูกได้

ผลทุเรียนต้องแก่เกิน80 % ถึงจะนำมาทอดได้ครับ

ทุเรียนแต่ละต้นในคีรีวงล้วนอยู่ในทีหุบเขาลาดชันครับ










เทคนิคการรับลูกทุเรียนจากต้น


 

เสร๊จแล้วก็ต้องแบกหามครับแรงงานคนล้วนๆ





ยานพาหนะสนส่งทุเรียนเพื่อนำมาทำทุเรียนทอดครับ


มาถึงสถานที่ผลิตทุเรียนทอดก็ต้องผ่าเอาเปลือกออกครับ






แกะเมล็ดออกแล้วสไลน์เป็นแผ่นบางๆเพื่อนำไปทอดครับ







ทอดเสร็จบรรจุถุงละ 5 กิโลเพื่อส่งลูกค้าทุเรียนทอดที่น่ารักของเรานะครับ




สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ทุเรียนทอดคีรีวง.com

LINE ID
Tel: 086-6878799 (NEW)
E-mail: N.9sanchai@gmail.com


มังคุดภูเขาบ้านคีรีวงของดีเมืองนครศรีธรรมราช ผิวเปลือกบาง เนื้อขาวสด ผลใหญ่ ผิวมัน หารับประทานยาก ราคาแพงที่สุดในประเทศไทย

“ มังคุด ” ที่ “ บ้านคีรีวง ” เป็นหนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนมังคุดที่ใด เพราะเป็นมังคุดที่มีราคาสูงที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ คุณสมบัติของมังคุด...